วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2559

ยินดีตอนรับ  

กะหรี่ปั๊บ

กะหรี่ปั๊บ เป็นอาหารว่างชนิดหนึ่ง เป็นได้ทั้งอาหารว่างคาวหรืออาหารว่างหวานแล้วแต่จะใส่ไส้อะไร เป็นอาหารที่ค่อนข้างนิยมและเป็นที่รู้จักของผู้บริโภค สามารถกินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนของไส้จะมีรสเค็ม หวาน มีกลิ่นหอมของผงกะหรี่ ส่วนแป้งจะกรอบและเป็นชั้นสวยงาม เมื่อก่อนจะใช้น้ำมันหมูเจียวใหม่ๆ มานวดแป้ง แต่ในปัจจุบันใช้น้ำมันพืชแทนเนื่องจากน้ำมันหมูมีโคเลสเตอรอลสูง ทำให้เสี่ยงต่อโรคไขมันอุดตันในหลอดเลือด ถ้าโคเลสเตอรอลในเลือดสูงและไปเกาะที่ผนังของหลอดเลือด จะมีผลทำให้การไหลเวียนของเลือดผิดปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหัวใจขาดเลือด นอกจากนี้กะหรี่ปั๊บยังทอดด้วยน้ำมัน ทำให้เราได้รับปริมาณของน้ำมันในปริมาณค่อนข้างมาก เราจึงควรหลีกเลี่ยงการทอดด้วยน้ำมันหมูเป็นน้ำมันพืชแทน กะหรี่ปั๊บมีส่วนผสมและวิธีทำ ดังนี้
ส่วนผสมไส้
เนื้อไก่หั่นชิ้นเล็ก ๕๐๐ กรัม, มันฝรั่งหรือมันเทศหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก ๒๕๐ กรัม, หอมหัวใหญ่หั่นชิ้นเล็ก ๑ ถ้วย, ผงกะหรี่ ๑ ช้อนโต๊ะ, พริกไทยป่น ๑ ช้อนชา, ซอสถั่วเหลือง ๔ ช้อนโต๊ะ, น้ำตาลทราย ๑๔  ถ้วย, น้ำมันพืช ๑๔  ถ้วย, เกลือ ๑๒ ช้อนโต๊ะ, น้ำมันพืชสำหรับทอด ๑ ขวด

ส่วนผสมแป้งชั้นใน
แป้งสาลีอเนกประสงค์ ๒ ถ้วย, น้ำมันพืช ๑๒ ถ้วย

ส่วนผสมแป้งชั้นนอก
 แป้งสาลีอเนกประสงค์ ๔ ถ้วย, เกลือป่น ๑ ช้อนชา, น้ำตาลทราย ๒ ช้อนโต๊ะ, น้ำปูนใส  ๓๔  ถ้วย, น้ำมันพืช  ๑๒ ถ้วย

วิธีทำไส้
๑. ผัดหอมหัวใหญ่กับน้ำมันพืชให้หอม

 ๒. ใส่เนื้อไก่และมันลงผัดจนกระทั่งมันสุก ใส่เครื่องปรุงทั้งหมดลงผัดให้แห้ง พักทิ้งไว้ให้เย็น
วิธีทำแป้งชั้นใน
ผสมแป้งกับน้ำมันพืชให้เข้ากัน แบ่งแป้งเป็น ๒๐ ก้อน

วิธีทำแป้งชั้นนอก
ผสมส่วนผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน นวดเบาๆ จนแป้งนุ่มดี แบ่งแป้งเป็น ๒๐ ก้อน

วิธีทำกะหรี่ปั๊บ
 ๑. แผ่แป้งชั้นนอกให้บาง วางแป้งชั้นในตรงกลาง ห่อให้มิด คลึงแป้งที่ห่อแล้วให้บาง ม้วนให้เป็นหลอด

 ๒. คลึงหลอดแป้งตามยาว แล้วม้วนอีกครั้ง  ใช้มีดตัดตามขวางเป็น ๒ ส่วน  คลึงเป็นแผ่นกลมบาง โดยตั้งส่วนขวางขึ้น
 ๓. ตักไส้ใส่ตรงกลาง แล้วพับแป้ง บีบริมแล้วขลิบให้เป็นเกลียวสวยงาม
 ๔. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใช้ไฟกลาง นำขนมลงทอดให้เหลืองกรอบ โดยหมั่นคนให้ทั่วกระทะ ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน
เคล็ดลับ
  • การผัดไส้ต้องผัดให้แห้ง แป้งจะได้ไม่แฉะ
  • ถ้าใช้ไฟอ่อนในการทอดขนม แป้งจะแตก ถ้าใช้ไฟแรงขนมจะสุกแต่ข้างนอก ข้างในจะไม่สุกและแป้งจะเหี่ยวเร็ว
  • การคลึงแป้งแต่ละขั้นตอนให้พักแป้งครั้งละ ๑๐ นาที
เนื่องจากกะหรี่ปั๊บมีส่วนผสมของน้ำมันและต้องนำมาทอด จึงทำให้มีแคลอรีสูง มีปริมาณของไขมันในปริมาณค่อนข้างสูง จึงต้องระวังในการกิน ผู้ที่มีความเสี่ยงเรื่องไขมันในเลือดสูง ควรหลีกเลี่ยงอาหารชนิดนี้ แต่ไม่ใช่ว่าผู้ที่ไม่มีความเสี่ยงจะกินได้อย่างสบายใจนัก เพราะมีพลังงานสูง ยกตัวอย่างเช่น  กะหรี่ปั๊บ ๑ ชิ้น ให้ไขมันเกือบจะเท่ากับกินขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้ ๑ จาน (๓๐๐ กรัม ) เลยทีเดียว แต่เราแทบจะไม่ได้ใยอาหารจากกะหรี่ปั๊บเลย แต่เมื่อเทียบกับขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้เราจะได้ใยอาหารจากผักค่อนข้างมาก จึงควรกินแต่น้อย ใช้กินเป็นอาหารว่างสัก ๑ ชิ้น คู่กับน้ำสมุนไพรอุ่นๆ สักถ้วย เป็นการรองท้องก่อนอาหารมื้อหลัก แต่อย่ากินเพื่อให้อิ่ม เพราะเราจะได้แต่ไขมัน แถมด้วยโรคภัยตามมาอีกหลายโรค

อ่านต่อได้ที่  www.doctor.or.th/article/detail/1431

Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-ShareAlike 4.0 International License.

ขั้นตอนวิธีการทำ

ขั้นตอนวิธีการทำ




เครื่องปรุง แป้งชั้นนอก

1.แป้งสาลี 1 กิโลกรัม

2.น้ำตาลทราย 1 ขีด

3.น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

4.น้ำปูนใส 1 ช้อนโต๊ะ

5.น้ำสะอาด 1 ถ้วย

วิธีทำ ผสมเครื่องปรุงทั้งหมด นวดจนเป็นแป้งเหนียวหนึบ แบ่งเป็นก้อนพักไว้

เครื่องปรุง แป้งชั้นใน

1.แป้งสาลี 1/2 กิโลกรัม

2.น้ำสะอาด 1 ถ้วย

3.น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ ผสมเครื่องปรุงทั้งหมด นวดจนเป็นแป้งเหนียว แบ่งเป็นก้อนพักไว้

เครื่องปรุง ไส้ไก่

1.เนื้อสันในไก่ 1 กิโลกรัม

2.มันเทศต้มให้สุกนิ่ม 2 หัว

3.หอมหัวใหญ่หั่นชิ้นเล็ก ๆ 1 หัว

4.น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ

5.เกลือป่น 1 ช้อนชา

6.พริกไทยดำตรามือ 1 ช้อนโต๊ะ

7.กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
 1. ทำไส้ก่อน ผัดไก่กับนํ้ามันจนสุก ตามด้วยหอมใหญ่ มันเทศ ผงกะหรี่ ซอสปรุงรส นํ้าตาล เกลือ พริกไทย  ผัดจนไม่มีนํ้าแล้วตักพักไว้ หรือใครจะผัดให้แห้งเหมือนไส้ขนมปั้นสิบก็ได้ แต่ต๊ะว่าแบบนั้นแห้งเหนียวไป


2. ทำแป้งชั้นนอกกัน ร่อนแป้งเสร็จแล้วทำบ่อตรงกลาง ผสมนํ้า นํ้าตาลทราย นํ้ามัน เกลือ คนให้ละลายแล้วเทลงไป ผสมแป้งแล้วนวดให้เข้ากัน พักแป้งไว้ 20-25 นาที เฮ้อ มาครึ่งทางแล้ว




3. ทำแป้งชั้นในกันต่อ ร่อนแป้งแล้วค่อยๆ ใส่นํ้ามันลงไป ถ้าใส่ทีเดียวแป้งจะแฉะ นวดให้เข้ากัน พักแป้งไว้ 20-25 นาที



4. แบ่งแป้งทั้งสองชั้นเป็นก้อนเท่าๆ กัน ให้ได้อย่างละ 6 ก้อนนะคะ เอาแป้งชั้นนอกห่อแป้งชั้นในให้มิดแล้วพักไว้ 20-25 นาที


5. รีดแป้งเป็นแผ่นยาวประมาณ 5-6 นิ้ว เสร็จแล้วม้วนตามขวาง เสร็จแล้วรีดอีกครั้ง แล้วม้วนอีกรอบ



6. ทำจนครบแล้วหั่นแป้งเป็น 4 ส่วนเท่าๆ กันค่ะ ตอนนี้มองเห็นลายแล้ว ใจชื้นขึ้นมาหน่อย

7. รีดแป้งเป็นแผ่นเลย ตอนนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ตักไส้ใส่ตรงกลางแล้วรวบแป้งปิดให้สนิท เสร็จแล้วจับจีบค่ะ จากนั้นเอาไปทอด



ไฟอ่อน ๆ จนเหลืองสวย ไม่ต้องกลัวอมนํ้ามันนะคะ ค๊ะทอดนานไป สีเข้มหน่อย แต่ว่ายังอร่อยอยู่


เสร็จแล้วค่ะ ใช้เวลาอยู่ในครัวทั้งหมด 3 ชั่วโมงค่ะ แต่ขอบอกว่าคุ้มนะคะ สูตรนี้รับประกันความกรอบของแป้งและความหอมอร่อยของไส้ค่ะ ถ้ามีเวลาหน่อย ลองทำกันด

ทอด ไฟอ่อนๆ แต่ร้อน ไม่งั้น แป้งจะเป็น ตะปุ่มตะป่ำ  ไม่เรียบ 

อ่านต่อได้ที่ http://cooking.kapook.com/view116161.html

Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution 4.0 International License.

ประวัติกะหรี่ปั๊บ


ประวัติกะหรี่ปั๊บ



         เป็นอาหารสไตล์ตะวันตกผสมกับอินเดีย เริ่มเป็นที่นิยมโดยชาวมุสลิมในประเทศไทย คาดว่าเป็นอาหารที่ถูกคิดค้นโดยโดยท้าวทองกีบม้า โดยตอนแรกชื่อว่า curry puff (พัฟฟ์ผงกะหรี่) ต่อมาได้เพี้ยนมาเป็น กะหรี่พัฟฟ์ และเพี้ยนเป็นกะหรี่ปั๊บในที่สุด

       สถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องกะหรี่ปั๊บที่มีชื่อเสียง คือ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี จนกลายเป็นคำขวัญของอำเภอ ที่ว่า "เนื้อนุ่ม นมดี กะหรี่ดัง"  และนอกจากนี้ยังมีการทำกระหรี่ปั่บที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย หนัก300 กิโลกรัม โดยใช้เส้นผ่าศูนย์กลาง เมตร ลึก 80 เมตร ใช้คนทำ 20 คน และใช้นำมันพืชในการทำ ถึง 2,000 ลิตร ในงานมหกรรมสินค้าราคาถูกและงานกาชาดสระบุรี เมื่อ 28-31 ธันวาคม พ.ศ.2540
ล่าสุด มีขนมโบราณอีกชนิดที่เจ้าของรื้อฟื้นกลับมาทำขายอีกครั้งหนึ่ง ปรากฏว่าขายดิบขายดี จนทำให้ต้องบอกต่อให้กันฟัง ขนมนั้นคือ "กะหรี่ปั๊บโบราณ" เป็นกะหรี่ปั๊บ แป้งบาง เกลียวเล็ก รับประทานกับอาจาด สูตรของ คุณสุวิมล ทองลิ่ม หรือเรียกแบบกันเองว่า คุณเล็ก คุณเล็กเจ้าของสูตรกะหรี่ปั๊บโบราณ วัย 67 ปี เล่าถึงที่มาที่ไปว่า เป็นคนกรุงเทพฯ เมื่อเรียนจบไปช่วยญาติทำขนมขายที่ตลาดย่านยาว อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ตั้งแต่อายุ 17 ปี จนแต่งงานกับสามี ทำให้ต้องออกจากบ้านญาติ มาอยู่บ้านพักข้าราชการ แต่เนื่องจากไม่ชอบอยู่เฉย อีกทั้งได้วิชาทำขนมหลายอย่างจากญาติทางฝ่ายพ่อ ไม่ว่าจะเป็นกะหรี่ปั๊บ ข้าวต้มมัด ขนมถ้วยฟู ขนมปุยฝ้าย ขนมเปียกปูน ขนมหม้อแกง และขนมพื้นบ้านของจังหวัดพังงา เช่น ขนมโกซุ้ย ขนมเป่าร้าง เลยคิดจะทำขนมขาย ถือเป็นการหารายได้ช่วยครอบครัวทางหนึ่ง เพราะเมื่อ 40 กว่าปีที่ผ่านมา เงินเดือนข้าราชการน้อยมาก อีกทั้งมีลูกหลายคน ซึ่งตอนแรกคิดไม่ออกว่าจะขายอะไรดี แต่มีวันหนึ่งไปเยี่ยมนายอำเภอ เห็นคุณนายนายอำเภอกำลังปั้นกะหรี่ปั๊บจึงนั่งดูพร้อมกับจำไว้ว่าจีบกะหรี่ปั๊บให้เป็นเกลียวเล็กๆ แต่สวยงามอย่างไร ประจวบเหมาะกับที่บ้านรับนิตยสารขวัญเรือน ฉบับที่ลงวิธีทำกะหรี่ปั๊บ จึงได้หัดทำไส้พร้อมกับหัดจีบไปเรื่อย จนได้กะหรี่ปั๊บเป็นเกลียวสวยงาม อีกทั้งเมื่อมาสำรวจตลาดพบว่า มีขนมมากมายวางขาย แต่ไม่มีกะหรี่ปั๊บ จึงคิดว่า สาเหตุหลักน่าจะเป็นเพราะหาคนที่จะจีบให้เป็นเกลียวเล็กสวยงามนั้นยากมาก ตนเองเลยตกลงใจเลือกทำขนมชนิดนี้ขาย คุณเล็ก เล่าอีกว่า แรกที่ทำขาย จะทำเป็น 2 ช่วงคือ ช่วงเช้าจะมีคนรับไปขายที่ตลาด ทำวันละประมาณ 100 ตัว ขายหมดทุกวัน ต่อมาคนรับไปขายบอกว่า ให้ทำขายตอนบ่ายด้วย ชาวบ้านจะได้รับประทานเป็นอาหารว่าง ทำให้ต้องทำเพิ่มอีกกว่า 100 ตัว ซึ่งยังขายหมดทุกวันเหมือนเดิม "ทำกะหรี่ปั๊บขายต่อเนื่องมา 3-4 ปี จนกระทั่งต้องย้ายเข้ากรุงเทพฯ จึงเลิกทำ แต่หลังจากนั้นประมาณ 2 ปี สามีกลับไปทำงานที่อำเภอตะกั่วป่าอีกรอบ จึงรื้อฟื้นทำขายอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้จะขายเฉพาะวันวันเสาร์-อาทิตย์ ขายตัวละ 50 สตางค์ คนขายคือลูกชายคนโตและคนรอง จะนำขนมใส่ถาดอะลูมิเนียมสี่เหลี่ยมพร้อมด้วยหม้ออาจาดเล็กๆ หิ้วไปด้วย ปรากฏว่า ขายไม่กี่ชั่วโมงก็หมด โดยทำวันละประมาณ 300 ตัว ลูกชายชอบใจและชอบที่จะขาย เพราะได้ค่าจ้างไปซื้อของเล่น"คุณเล็ก ย้อนอดีตให้ฟัง



อ่านต่อได้ที่ www.rsu.ac.th

Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-ShareAlike 4.0 International License.